สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) มีความสำคัญยังไงนะ??

     สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) เป็น สื่อทางการค้าธุรกิจ และการตลาดที่สำคัญอย่างมาก อีกสื่อหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะการทำสติ๊กเกอร์สื่อความหมายเกี่ยวกับองค์กร ผลิตภัณฑ์ สินค้า และทุกอย่างของธุรกิจนั้น ๆ ให้กับลูกค้า คนที่พบเห็น กลุ่มเป้าหมายของกิจการ ได้รับรู้และได้เข้าใจ ที่สำคัญสติ๊กเกอร์ที่ดีนั้น จะต้องมีความโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ สามารถช่วย ในการชักนำ ให้ผู้พบเห็นจดจำได้สินค้าของเราได้

สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) คืออะไรอะ??

     สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) คือ ป้ายที่ติดบนสินค้า เป็นสิ่งที่ทำให้ลูกค้า คนที่เห็นรู้ว่าเป็นสินค้าของเรา และรู้ว่ากิจการของเรานั้น ขายอะไร ถือว่าเป็นการสร้างตัวตน ในยุคที่การแข่งขันสูง แบบในปัจจุบัน สติกเกอร์ฉลาก ไม่ใช่แค่จะนำมาใช้ เพื่อบอกรายละเอียดสินค้า แต่เป็นการโฆษณา ทั้งตัวสินค้าเอง และ ตัวกิจการของเราด้วย

     หากสติ๊กเกอร์ฉลากของเรา มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร มีการออกแบบที่มีสไตล์ ที่แตกต่างจากฉลาก ตามท้องตลาดทั่วไป ก็ไม่ใช่เรื่องยาก ที่จะสร้างการจดจำ ให้เกิดขึ้นกับลูกค้าของเรา ยังจะสามารถ ช่วยเพิ่มยอดขาย ให้กับกิจการของเราได้อีกด้วย

     ที่สำคัญเราสามารถ ที่จะใช้สติกเกอร์ฉลาก และแพคเกจของสินค้า ร่วมกับเครื่องมือทางการตลาดอื่น ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการโฆษณา การทำการส่งเสริมการขาย (ลด แลก แจก แถม) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในการดึงดูดลูกค้า ให้เกิดความสนใจ ในตัวของสินค้า จนได้เข้ามาเป็นลูกค้าของเราในที่สุด

สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) มีกี่ประเภทกันนะ??

     สติ๊กเกอร์ฉลาก (Label) มีอยู่แทบทุกสิ่งของ ที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สติ๊กเกอร์ติดกล่องขนมเบเกอรี่ สติ๊กเกอร์แก้วกาแฟ เป็นต้น ดังนั้น การทำ สติกเกอร์ฉลาก จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงาม แต่มันยังรวมไปถึง เรื่องของชนิด ประเภทและอายุการใช้งานของสติกเกอร์ฉลาก ก็มีความแตกต่างกันไปด้วย

     มันจึงเป็นสิ่งที่ลูกค้า ต้องทำการตกลงกันกับ ร้านรับทำสติกเกอร์ฉลาก ว่าต้องการแบบไหน ใช้งานกับสินค้าอะไร วันนี้น้องหมวย ขอยกตัวอย่างประเภท ของสติกเกอร์ฉลาก ที่นิยมใช้กัน มาให้ได้รู้จัก ดังนี้

สติ๊กเกอร์ฉลาก แบบ PVC หรือ PVC Sticker

• สติ๊กเกอร์ PVC เป็นสติกเกอร์ฉลาก ที่เป็นที่นิยม นำมาใช้ติดสินค้าต่าง ๆ ตามท้องตลาด สติ๊กเกอร์แบบนี้ มีหลายประเภทเช่น ขาวเงา แบบใส แบบขุ่น เป็นสติ๊กเกอร์ฉลาก ชนิดที่ลูกค้านิยม ที่จะเลือกทำกัน เยอะพอสมควร เพราะ ถ้าหากเทียบกับคุณภาพ ที่ได้รับ ไม่ว่าจะเป็นความติดทน สามารถกันน้ำได้ 100% ทนความร้อนได้ถึง 60 – 80 องศาของสติ๊กเกอร์ PVC ก็ถือว่า “คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย”

• สติ๊กเกอร์ PVC เป็นที่นิยมมาก สำหรับผู้ที่ต้องการ งานคุณภาพ กันน้ำ ติดทน มีอายุการใช้นาน สติ๊กเกอร์ PVC มีเนื้องานที่มี ความยืดหยุ่นได้ดีกว่า สติ๊กเกอร์ชนิดอื่น ๆ มีความทนทาน กับสภาพการใช้งานภายนอก (Outdoor) หรือ สถานที่ที่มีความเปลี่ยนแปลง สภาพอากาศ เหมาะกับสติ๊กเกอร์ ที่มีดวงใหญ่กว่า ฉลากสินค้าปกติ นอกเหนือจาก จะติดสินค้าได้แล้ว สติ๊กเกอร์ PVC ก็สามารถใช้ติดรถ ติดกระจก หรือ ตามอาคารได้ดีเลยทีเดียว

สติ๊กเกอร์ฉลาก ชนิด PP STICKER

• เป็นที่นิยมใช้ สำหรับทำ สติกเกอร์ฉลากสินค้า แบบกันน้ำ ราคาถูกด้วย คุณสมบัติของมัน จึงเหมาะสม นำไปใช้กับงาน หรือ สินค้าที่ต้องการ ความคงทนสูง สามารถโดนน้ำได้ 100% และ สามารถทนความร้อนได้ เช่น สติกเกอร์ฉลาก ติดขวดแชมพู ซึ่งสติกเกอร์ฉลาก ชนิด PP จะมีความเรียบเนียน และ สวยงามกว่า สติกเกอร์ทั่วไป โดยมีให้เลือก หลากหลายแบบ สติ๊กเกอร์ PP ใส สติ๊กเกอร์ PP ขาวเงา สติ๊กเกอร์ PP ขาวด้าน ได้ Effect ความสวยงาม ที่แตกต่างกันออกไป

สติ๊กเกอร์ฉลากแบบกระดาษ หรือ PAPER STICKER

     เป็นสติกเกอร์ฉลาก อีกชนิด ที่ร้านทำสติ๊กเกอร์ ได้รับทำบ่อย ๆ เพราะสติ๊กเกอร์ ชนิดกระดาษ นั้นเป็นชนิด ที่มีราคาถูกที่สุด  ในบรรดาชนิด ของเนื้อสติ๊กเกอร์ทั้งหมด ผลิตได้ง่าย มีหลายแบบ เช่น แบบเงินเงา แบบขาวเงา แบบทองเงา แบบขาวด้าน    แต่สติ๊กเกอร์ชนิดนี้ ก็สามารถทนความร้อนได้ถึง 90 องศาเช่นกัน แต่จะโดนน้ำได้บ้าง ตามการเคลือบผิว

     ถ้าให้พูดตามความจริง แบบไม่โลกสวยเลย คือ สติกเกอร์ฉลาก งานกระดาษ จะไม่เหมาะกับสินค้า ที่ต้องเสี่ยงถูกน้ำ การสั่งทำสติกเกอร์ฉลาก แบบกระดาษ เป็นที่นิยมมาก สำหรับผู้ต้องการ พิมพ์จำนวนน้อย เป็นแบบ On Demand ไม่ต้องเสียเงิน ไปกับค่าบล็อค และ จำนวนขั้นต่ำ ที่มากเกินความต้องการ

สติ๊กเกอร์ฉลากมีอายุการใช้งานนานมั้ย??

     จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ แค่เรื่องของชนิด ของสติ๊กเกอร์ฉลากเท่านั้น ที่เราต้องมีการศึกษา ทำความเข้าใจ และเลือกให้เหมาะกับสินค้าที่จะเรานำไปติด แต่มันยังขึ้นอยู่กับ ประเภทการพิมพ์ ร่วมไปด้วย

     ยกตัวอย่าง การพิมพ์ แบบอิงค์เจ็ท Indoor คือ การปริ้นท์งาน ที่ไม่เหมาะกับ การโดนน้ำ และ ทนร้อน อายุการใช้งาน จะอยู่ที่ไม่เกิน 18 เดือน แต่ก็ต้องระวัง การเปียกน้ำด้วย ส่วนของการพิมพ์ แบบอิงค์เจ็ท Outdoor หรือ งานที่เหมาะสม ที่จะโดนน้ำ และ ทนความร้อนได้ จะมีอายุการใช้งานมากกว่า 1 – 2 ปีขึ้นไป

สติ๊กเกอร์ฉลาก ควรอยู่ในอุณหภูมิประมาณไหนนะ?

     อุณหภูมิของบริเวณ โดยรอบ ก็มีผล ต่อการเลือกใช้ ประเภทของสติ๊กเกอร์ก็เช่นกัน Service Temperature ของสติ๊กเกอร์ และกาว  ของแต่ละตัว จะมีลักษณะเฉพาะ แยกย่อยอีก ดังนั้น หากเราทราบ ช่วงอุณหภูมิ จะช่วยเลือกใช้งาน สติ๊กเกอร์ได้เหมาะสม

     เช่น สติ๊กเกอร์ติดถัง หรือ ท่อที่มีความร้อนสูง 70 – 90 องศา ก็จะต้องเลือกใช้ สติ๊กเกอร์ PET หรือ PVC คุณภาพสูง หรือ สติกเกอร์ฉลาก ติดสินค้าแช่งแข็ง ห้องเย็นต่าง ๆ อาทิ -40 หรือ -18 องศา อาจจะต้องดูเป็น สติ๊กเกอร์ PP Synthetic กาวสำหรับ Freezer เป็นต้น

     เรื่องชนิด ลักษณะ ของสติ๊กเกอร์นั้น ลูกค้า หรือ ผู้นำไปใช้งาน ส่วนใหญ่จะไม่รู้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ ไม่ได้คลุกคลีทำงานประเภทนี้ ดังนั้น ก็จะเป็นหน้าที่ ของร้าน ที่รับทำสติ๊กเกอร์ ในการให้คำแนะนำ ที่เหมาะสม และ ตรงใจลูกค้า

กฎหมายไทย กับ ฉลากสินค้า

การคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากสินค้านั้น เราถือว่าเป็นมาตรการของหน่วยงาน ที่ทำหน้าที่ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ความคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค โดยสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการบังคับใช้กฎหมาย ตาม พรบ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522

โดยกฎหมายที่กล่าวมา ได้มีการกำหนดให้ผู้ผลิต ผู้สั่ง หรือ นำเข้าต้องจัดทำ รายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญของสินค้า เพื่อที่จะให้เป็นข้อมูล ที่จะให้ผู้บริโภคเพื่อใช้เป็นข้อพิจารณา ในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า เพราะฉะนั้น สคบ. จึงได้ทำการออกประกาศคณะกรรมการ ว่าด้วยฉลากเรื่องลักษณะ ของฉลากสินค้าที่ควบคุมฉลาก พศ. 2541

กำหนดให้ผู้ผลิต ผู้สั่ง หรือ ผู้ที่นำเข้า เพื่อขาย ต้องทำการจัดทำฉลากสินค้า โดยที่มีรายละเอียดประกอบด้วย ชื่อประเภทสินค้า ชื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า สถานประกอบการ วันเดือนปีที่ผลิต กรณีนำเข้าต้องระบุประเทศที่ผลิต ขนาดของสินค้า วิธีใช้ ข้อแนะนำในการใช้ คำเตือน และ ราคาสินค้า

นอกจากนี้ยังได้ระบุโทษไว้ว่า “กรณีที่ผู้ประกอบกิจการรายใดไม่ปฏิบัติตามกฎหมายดังกล่าว มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท กรณีเป็นผู้ผลิต ผู้นำเข้าต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ ไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

อ้างอิงข้อมูลหัวข้อนี้จาก : https://www.drthawip.com/consumerprotectionlaw/008